บิลเงินสด ที่กรมสรรพากรยอมรับ
- จุมพฎ วรรณพงษ์
- 17 ก.ย.
- ยาว 1 นาที
บิลเงินสด (cash receipt) ที่กรมสรรพากรยอมรับให้เป็นรายจ่ายทางภาษี จะต้องมีลักษณะสำคัญดังนี้ :
1. ข้อมูลผู้ขายหรือผู้ให้บริการ
ต้องมีข้อมูลที่ระบุตัวตนของผู้ขายหรือผู้ให้บริการอย่างชัดเจน ได้แก่:
•ชื่อหรือชื่อสถานประกอบการ: ชื่อบุคคลธรรมดาหรือชื่อบริษัทที่ออกบิล
•ที่อยู่: ที่ตั้งของร้านค้าหรือบริษัท
•เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร: เลข 13 หลักของผู้ขายหรือผู้ให้บริการ ซึ่งสำคัญมากในการตรวจสอบ
2. ข้อมูลรายการสินค้าหรือบริการ
ต้องระบุรายละเอียดของสินค้าหรือบริการที่ซื้อขายอย่างชัดเจน:
•รายการ: ชื่อสินค้าหรือบริการที่ซื้อ
•จำนวน: ปริมาณของสินค้า
•ราคา: ราคาต่อหน่วยและราคารวมของแต่ละรายการ
3. ข้อมูลการซื้อขาย
•วัน เดือน ปี: วันที่ที่ซื้อขายสินค้าหรือบริการ
•จำนวนเงิน: ยอดเงินรวมที่ชำระเป็นตัวเลขและตัวอักษร
•ลายเซ็นผู้รับเงิน: ลายเซ็นของผู้ขายหรือผู้รับเงินเพื่อยืนยันการรับเงิน
4. ลักษณะทั่วไปของบิล
•เป็นเอกสารฉบับจริง: ไม่ใช่สำเนา
•มีข้อความว่า "บิลเงินสด" หรือ "ใบเสร็จรับเงิน" อย่างชัดเจน
บิลเงินสดจะใช้เป็นหลักฐานในการบันทึกค่าใช้จ่ายได้ก็ต่อเมื่อเป็นการซื้อสินค้าหรือบริการที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือซื้อจากผู้ประกอบการที่ไม่ได้จดทะเบียน VAT เช่น ร้านค้าเล็กๆ หรือบุคคลทั่วไป หากเป็นการซื้อขายที่มีมูลค่าเกิน 1,000 บาท หรือเป็นการซื้อจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียน VAT จะต้องใช้ ใบกำกับภาษีอย่างย่อ หรือ ใบกำกับภาษีเต็มรูป แทน เพื่อให้สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้อย่างถูกต้อง
ลักษณะของบิลเงินสดที่กรมสรรพากรยอมรับให้เป็นรายจ่ายทางภาษีนั้นอ้างอิงตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี (13) ซึ่งกำหนดว่ารายจ่ายต้องมีเอกสารประกอบที่สมบูรณ์และครบถ้วน และ มาตรา 105 ทวิ ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่กำหนดรายละเอียดที่จำเป็นต้องมีในใบรับเงินหรือบิลเงินสด
มาตรา 65 ตรี (13) : หลักการทั่วไปของรายจ่าย
มาตรานี้เป็นหลักการพื้นฐานที่ระบุว่า รายจ่ายที่นำมาคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีจะต้องเป็นรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจการและมีเอกสารประกอบที่ถูกต้อง โดยหลักฐานการจ่ายเงินนั้นต้องแสดงให้เห็นว่าเป็นการจ่ายเพื่อกิจการจริง ไม่ใช่รายจ่ายส่วนตัวหรือรายจ่ายที่ไม่มีที่มาที่ไปที่ชัดเจน.
มาตรา 105 ทวิ : รายละเอียดของใบรับเงิน
มาตรานี้เป็นมาตราที่ลงลึกในรายละเอียดของเอกสาร "ใบรับเงิน" หรือบิลเงินสด โดยกำหนดว่าเอกสารดังกล่าวต้องมีรายการสำคัญดังนี้:
•ชื่อหรือยี่ห้อของผู้รับเงิน: ระบุชื่อของผู้ขายหรือผู้ให้บริการ.
•เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร: ของผู้รับเงิน.
•วัน เดือน ปี ที่ออกใบรับเงิน: วันที่ที่เกิดการซื้อขาย.
•จำนวนเงินที่ได้รับ: ทั้งตัวเลขและตัวอักษร.
•ชนิด ชื่อ จำนวน และราคาสินค้า: หรือค่าบริการ.
•สำเนาใบรับเงิน: ผู้ที่ออกใบรับเงินต้องจัดทำสำเนาเก็บไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี.
การมีเอกสารที่ครบถ้วนตามมาตรา 105 ทวิ จะช่วยให้สามารถนำบิลเงินสดไปใช้เป็นหลักฐานประกอบการลงบัญชีและยื่นเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย









ความคิดเห็น